รอบครัวอบอุ่นสร้างภูมิคุ้มกันให้ลูก

นายแพทย์สุกมล วิภาวีพลกุล

     สมัยก่อนเรามักพูดกันว่า “ เป็นลูกต้องเชื่อฟังพ่อแม่ ” แต่ทุกวันนี้สังคมเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก เราอยู่ ในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี ทำให้วิธีการคิดของเยาวชนแตกต่างจากผู้ใหญ่ที่เติบโตในสังคมยุคก่อน เพราะฉะนั้นทุกวันนี้ “ เป็นพ่อแม่ต้องฟังลูก ” คือรับฟังความคิดความรู้สึกของเขา

     แต่ก่อนเราสอนเด็กว่า “ เป็นเด็ก อย่าเถียงผู้ใหญ่” แต่สมัยนี้ “ เป็นผู้ใหญ่อย่าเถียงเด็ก” แต่ต้องรับฟังด้วยจิตใจที่เป็นกลาง โดยไม่รีบด่วนตัดสินว่าถูกหรือผิด

     แต่การไม่โต้แย้งมิได้หมายความว่า เราไม่มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นที่ตรงกันข้าม...แต่ต้องเป็น “ การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน” โดยไม่ใช้อำนาจในฐานะพ่อแม่ที่ต้องบังคับให้ลูกเชื่อตามอย่างที่เขาไม่เต็มใจ

คำพูดว่า “ เป็นผู้ใหญ่อาบน้ำมาก่อน” อาจใช้ไม่ได้ สำหรับปัจจุบัน เพราะทุกวันนี้เด็กใช้คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์สื่อสารได้เก่ง และคล่องแคล่วกว่าพ่อแม่หลายเท่าตัว… ผู้ใหญ่กับเด็กจึงควรเรียนรู้ร่วมกัน

     พ่อแม่ต้องเป็นเพื่อนสนิทกับลูก ให้เวลาสำหรับสมาชิกได้มีกิจกรรมแห่งความสุขสนุกสนานร่วมกัน หยอกล้อ คุยเล่น มีรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ...ทั้งครอบครัวอาจมีเวลาสำหรับการไปร่วมรับประทานอาหารนอกบ้าน ชมภาพยนตร์ร่วมกัน เดินเล่นในสวนสาธารณะ ออกกำลังกายและทัศนศึกษาสถานที่สำคัญต่างๆ...แทนที่จะปล่อยให้ลูกวัยรุ่นหรือหนุ่มสาวมีกิจกรรมบันเทิงกับเพื่อนๆ แล้วกลับมาถึงบ้านที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของความเหงาหรือเคร่งเครียดเพราะการสื่อสารทางลบ

     เมื่อลูกมีปัญหาเพราะการดำเนินชีวิตที่ผิดพลาด แทนที่พ่อแม่จะซ้ำเติมด้วยคำพูดประเภท “ บอกแล้วไม่เชื่อ สอนเท่าไหร่ไม่รู้จักจำ...แล้วเห็นมั้ยเลยต้องเป็นแบบนี้” ผู้ใหญ่ควรเป็นกำลังใจให้เด็กสามารถผ่านพ้นอุปสรรคนั้นๆไปได้

     เราพบเสมอว่าเมื่อวัยรุ่นมีปัญหา เขามักปรึกษาเพื่อนๆมากกว่า พ่อแม่...ส่วนใหญ่ที่ไม่กล้าพูดคุยกับพ่อแม่เพราะประเมินแล้วว่า “ โอกาสถูกด่ามีมากกว่าได้คำตอบ” แต่เขาเห็นว่าเพื่อนจะรับฟังและไม่ซ้ำเติม เป็นพวกเดียวกันและช่วยกันคิดแก้ไขสถานการณ์...แล้วทำไมพ่อแม่จึงปล่อยให้บทบาทที่สำคัญนี้ตกอยู่ในมือของเพื่อนๆ ซึ่งขาดประสบการณ์แทนที่จะเป็นพ่อแม่ของลูกตัวเอง

     คำกล่าวโบราณที่ว่า “ รักวัวให้ผูก...รักลูกให้ตี” นั้น...ท่านอาจารย์นายแพทย์พันธ์ศักดิ์ ศุกระฤกษ์ เคยแสดงทัศนะในทางบวกไว้ว่า “
รักวัวให้ผูก หมายถึงต้องผูกสัมพันธ์ และรักลูกให้ตี แปลว่า ต้องตีสนิทกับเขา” ...ไม่ใช่ต้องใช้มือหรือไม้ตีเนื้อหนังให้ต้องเจ็บตัวหรือเจ็บใจ

     ธรรมชาติของมนุษย์เราทุกคนคือ “ ใครก็ตามที่เราอยู่ใกล้แล้วมีความสุข สบายใจหรือสนุกสนาน นั่นคือคนที่เราอยากอยู่ด้วย...ใครก็ตามที่อยู่ด้วยแล้วเป็นทุกข์ หงุดหงิด อึดอัด รำคาญ นั่นคือคนที่อยากถอยห่าง” ...เพราะฉะนั้น ถ้าพ่อแม่เป็นแหล่งกำเนิดความสุขของลูกๆ เขาจะไม่ติดเพื่อนหรือแฟนที่ทำให้เขามีความสุขมากกว่าเวลาอยู่บ้าน เครื่องมือที่เราใช้ในการสร้างความสุขหรือทุกข์ให้แก่คนรอบข้างคือ “ การสื่อสาร”

 

ที่มา : คู่มือสานรักอย่างสร้างสรรค์ของวัยมันส์ทุกคน Smart Love หน้า 62-64