การรับความรู้สึก
ถ้าการเรียนรู้ของเด็กถูกต้อง เด็กสามารถเรียนรู้จากสิ่งที่เขาเห็น รู้สึก หรือได้ยิน แต่ถ้าข้อมูลการรับสัมผัส หรือความรู้สึกไม่ถูกต้อง หรือสิ่งที่เด็กรับรู้ผ่านประสาทสัมผัสต่างๆ ไม่ประสานเป็นภาพรวมได้ ประสบการณ์ต่างๆ ที่เด็กได้รับก็จะทำให้เด็กสับสน เด็กออทิสติกอาจจะมีปัญหาที่สัญญาณการรับสัมผัสที่ส่งไปสมอง หรือ อาจจะเป็นปัญหา ที่การบูรณาการสัญญาณต่างๆ ที่รับเข้ามา หรือมีปัญหาทั้งสองอย่าง
ผลจากการทำงานที่ผิดปกติของสมอง เด็กออทิสติกมีประสาทสัมผัสที่ไวมากต่อเสียง รส กลิ่น และเนื้อผ้า เด็กบางคนรู้สึกไม่สบายตัวเพราะเนื้อผ้าที่สวมใส่ จนไม่เป็นอันเรียน เด็กบางคนไม่ชอบแม้จะถูกกอดเบาๆ เด็กหลายคนเอามือปิดหู และ กรีดร้องเมื่อได้ยินเสียงเครื่องดูดฝุ่น เสียงเครื่องบิน เสียงโทรศัพท์ หรือแม้แต่เสียงพัดลม Dr. Temple Gradin กล่าวว่า มันเหมือนกับใส่เครื่องช่วยฟังที่ตั้งระดับเสียงให้ดังที่สุด ซึ่งทำให้ได้ยินเสียงทุกชนิด เสียงทุกเสียงที่ได้ยินทำให้รู้สึกเจ็บหู Dr. Temple Gradin มักเลือกที่จะถอยหนี ไม่สนใจฟังจนดูเหมือนคนหูหนวก
ดูเหมือนว่าสมองของเด็กออทิสติก ไม่สามารถสร้างสมดุลของประสาทรับสัมผัสอย่างเหมาะสม เด็กบางคนไม่รับรู้ความเย็น หรือความเจ็บปวดที่รุนแรง แต่มีปฏิกริยามากมายต่อสิ่งต่างๆ ที่เด็กปกติไม่รู้สึก เด็กออทิสติกอาจจะหกล้มแขนหักแล้วไม่ร้องไห้เลย เด็กอีกคนอาจจะโขกศีรษะกับผนังห้องโดยไม่รู้สึกเจ็บ แต่การรับสัมผัสเบาๆ อาจจะทำให้เขากรีดร้องได้
ความสามารถที่ไม่ปกติ
เด็กออทิสติกบางคนแสดงความสามารถด้านต่างๆ ได้อย่างน่าทึ่ง ในวัยเด็กเล็ก ขณะที่เด็กคนอื่นๆ ทำได้แค่ขีดเส้นไปมา ไม่เป็นรูปร่าง เด็กออทิสติกสามารถวาดรายละเอียดภาพสามมิติที่เหมือนจริงได้ เด็กออทิสติกวัย 2-3 ขวบ มีทักษะการมองเห็นที่ดีมาก สามารถต่อชิ้นส่วนภาพที่ซับซ้อนได้ เด็กหลายคนอาจจะเริ่มอ่านได้ก่อนเริ่มพูด เด็กออทิสติกบางคนมีพัฒนาการของระบบประสาทสัมผัสส่วนการได้ยินดีมาก ทำให้เขาสามารถเล่นเครื่องดนตรีที่ไม่เคยมีคนสอน เล่นเพลงได้ถูกต้องหลังจากที่ได้ยินเพียงครั้งเดียว เด็กบางคนสามารถจำการแสดงในโทรทัศน์ได้ทั้งรายการ จำหน้าต่างๆ ในสมุดโทรศัพท์ หรือจำชื่อของไดโนเสาร์พันธุ์ต่างๆ ได้ทั้งเล่ม
การจัดการศึกษาให้เด็กออทิสติก
ผลการศึกษาในปัจจุบัน บ่งชี้ว่า การจัดโปรแกรมการศึกษาบนหลักการของพฤติกรรม (Behavioral Intervention) เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดสำหรับเด็กออทิสติก ระยะเริ่มแรก นักวิชาชีพนำเทคนิคของการวางเงื่อนไขการการะทำ (Operant conditioning) มาใช้เป็นหลักในการบำบัด และพบว่าเป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพมาก ปัจจุบัน วิธีการทางความคิด (Cognitive) ช่วยให้เด็กออทิสติกเรียนรู้ประสบการณ์ต่างๆ อย่างมีความหมายมากขึ้น และ นำไปสู่การถ่ายโยงการเรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น รวมทั้งทำให้การพัฒนาทักษะต่างๆ ยืดหยุ่นมากขึ้นทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม เป็นกรอบแนวคิดในการพัฒนาทักษะทางสังคมให้กับเด็ก ออทิสติกได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการจัดกิจกรรมที่มีโครงสร้างชัดเจนให้เด็กออทิสติกมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนนักเรียนปกติ
การบำบัดรักษาด้วยยา มีประโยชน์ในการลดพฤติกรรมขาดการยั้งคิด การไม่อยู่นิ่ง สมาธิสั้น และการย้ำคิดย้ำทำ โดยปกติแล้วยาไม่ได้มีประสิทธิภาพในการบำบัดความบกพร่องของการมีปฏิสัมพันธ์ทางสังคม และการสื่อสาร
การจัดการเรียนการสอน
ในการจัดการเรียนการสอนสำหรับเด็กออทิสติกให้มีประสิทธิภาพต้องคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
1. แน่ใจว่าเด็กมีสุขภาพที่ดี รู้สึกสบาย ไม่หงุดหงิด อยู่ในสถานที่ปลอดภัย และเด็กมีความพอใจ
2. จัดสภาพแวดล้อมที่มีโครงสร้างชัดเจน บอกความคาดหวังของครูอย่างชัดเจนเกี่ยวกับพฤติกรรมที่เหมาะสม และไม่เหมาะสม
3. มีตารางกิจกรรมที่เป็นรูปภาพ หรือตัวหนังสือ ของแต่ละช่วงเวลา เพื่อให้แน่ใจว่า เด็กออทิสติกเข้าใจและรู้กิจกรรมที่ต้องทำแต่ละช่วงเวลา
4. จัดหลักสูตร หรือแผนการศึกษา ตามลักษณะของเด็กแต่ละคน ไม่ใช่สำหรับเด็ก ออทิสติกโดยทั่วไป การวินิจฉัยว่าเด็กเป็นออทิสติกไม่ได้บ่งชี้ว่าจะสอนอะไร และสอนอย่างไร
5. เน้นการพัฒนาทักษะที่เด็กจะต้องใช้ในการเรียน ที่บ้านและชุมชน ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
6. วางแผนการเปลี่ยนกิจกรรม สถานที่ หรือประสบการณ์ บอกเด็กล่วงหน้า และเตรียมเด็กให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลง
7. สนับสนุนให้พ่อแม่ และสมาชิกคนอื่นๆ ในครอบครัวมีส่วนร่วมในกระบวนการประเมิน การวางแผนการศึกษา กิจกรรมการเรียนการสอน และการกำกับความก้าวหน้า ทั้งพ่อแม่และสมาชิกในครอบครัว มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับประวัติและลักษณะการเรียนรู้ ซึ่งจะช่วยให้วางแผนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นักเรียนออทิสติก ก็คือนักเรียนคนหนึ่งที่เหมือนกับเด็กคนอื่นๆ มากกว่าความแตกต่าง แม้ว่าเด็กออทิสติก บางคนมีปัญหาในการเรียนรู้มาก แต่เขาก็สามารถเรียนรู้ได้ดี ถ้าจัดการเรียนการสอนที่เหมาะกับ ความต้องการจำเป็นของแต่ละคน
การจัดการศึกษาให้กับเด็กออทิสติกต้องบูรณาการความรู้และทักษะทางด้านวิชาการ การสื่อสารทั้งการรับรู้ และการแสดงออก ปฏิสัมพันธ์ทางสังคม กลไกการเคลื่อนไหว การใช้กล้ามเนื้อมัดเล็ก การช่วยเหลือตนเอง และพฤติกรรมที่เหมาะสม โดยจัดเป็นกิจกรรมการเรียนรู้ที่มีโครงสร้างชัดเจน และเน้นการให้เด็กได้เรียนรู้ในสถานการณ์จริง ดังนั้น นอกจากกิจกรรมการเรียนรู้ ที่บูรณาการทักษะดังกล่าวแล้ว เด็กออทิสติกควรได้รับบริการฝึกพูด กิจกรรมบำบัด กิจกรรมพัฒนาทักษะกลไกการเคลื่อนไหว ดนตรีบำบัด กิจกรรมพัฒนาทักษะทางสังคมและ อารมณ์รวมทั้งมีแผนการปรับพฤติกรรม เพิ่มเติมความต้องการจำเป็นของเด็กแต่ละคน
จุดเน้นของกิจกรรม การเรียนการสอนจะเปลี่ยนไปตามวัยของเด็กในช่วงต้นของชีวิต คือ ปฐมวัย การเรียนการสอนเน้นที่การพัฒนาการสื่อสาร การปฏิสัมพันธ์ทางสังคม และพฤติกรรมการปรับตัว เมื่อเด็กเข้าสู่ระดับประถมศึกษา โปรแกรมการศึกษาเน้นการสอนวิชาการเพิ่มขึ้นจากการสอนภาษา การสื่อสาร และทักษะการปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ในระดับมัธยมศึกษา กิจกรรมการเรียนการสอน จะเน้นทั้งด้านวิชาการและการเตรียมตัวเพื่อการศึกษาต่อ หรือการเตรียมตัวเพื่อการทำงานและการเข้าสู่ชีวิตการเป็นผู้ใหญ่
โปรแกรมการศึกษาสำหรับเด็กออทิสติกในช่วงปฐมวัยที่มีประสิทธิภาพ คือ โปรแกรมที่มีโครงสร้างชัดเจน สอนตัวต่อตัว หรือเป็นกลุ่มเล็ก เน้นการสื่อสารและปฏิสัมพันธ์ทางสังคม ใช้วิธีการค้นหาจุดมุ่งหมายของพฤติกรรมเพื่อบ่งชี้พฤติกรรมที่เป็นปัญหา ให้การสอนแบบเข้ม และเป็นระบบ สอนพ่อแม่ให้มีส่วนร่วมอย่างแข็งขัน ให้ความช่วยเหลือครอบครัว และมีการวางแผนการเปลี่ยนการเรียนจากระดับอนุบาลสู่ระดับประถมศึกษา
ในระดับประถมศึกษา กิจกรรมเรียนการสอนควรเน้นที่การส่งเสริมความสามารถเด่นของเด็ก และสนับสนุนการพัฒนาทักษะที่ด้อย ครูต้องปรับหลักสูตร และกิจกรรมการเรียนการสอนให้เด็กได้เรียนรู้ไปตามความก้าวหน้าทางวิชาการของแต่ละคน และต้องจัดกิจกรรมที่จะช่วยให้เด็กเรียนรู้การปรับตัวกับสิ่งแวดล้อมทางสังคม และการสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่น มีการเตรียมตัวนักเรียนในการเปลี่ยนระดับชั้นเรียนจากประถมศึกษาไปสู่มัธยมศึกษา
ในระดับมัธยมศึกษา นอกจากกิจกรรมการเรียนการสอนต่อเนื่องจากระดับประถมศึกษาแล้ว จะต้องเพิ่มเติมกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่การทำงาน การดำรงชีวิตในชุมชน การมีส่วนร่วมในชุมชน และกิจกรรมนันทนาการ
การจัดสภาพแวดล้อมเพื่อการเรียนรู้
โครงสร้างทางกายภาพ
เด็กออทิสติกเรียนรู้ได้ดีในสภาพแวดล้อมที่มีโครงสร้างชัดเจน ดังนั้นควรจัดสภาพแวดล้อมทางกายภาพ เพื่อกำหนดบริเวณการเรียนการสอนที่ชัดเจน แยกพื้นที่ใช้ในการทำงาน และการเล่นออกจากกัน บริเวณที่เด็กต้องทำงานอย่างอิสระควรมีสิ่งรบกวนน้อยที่สุด การจัดศูนย์การเรียนรู้ต้องออกแบบเพื่อกิจกรรมเฉพาะอย่าง แทนที่จะใช้เพื่อการเรียนรู้หลายๆ อย่างในบริเวณเดียวกัน เด็กออทิสติกจะสับสนและหงุดหงิด ถ้าครูใช้โต๊ะตัวเดียวกันเพื่อทั้งการเรียน การรับประทานอาหาร และการทำงานศิลปะ การแบ่งบริเวณการเรียนที่ชัดเจนจะเอื้อให้เด็กเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ และเอื้อต่อการเปลี่ยนกิจกรรม และการช่วยเหลือเด็ก
|